ผู้หญิงคนหนึ่งอายุราว 60 ปี มาที่ศูนย์กับสามีของเธอโดยเธอปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากและสวมหมวกต่ำถึงตา หลังจากที่ทางศูนย์ได้แต่งหน้าปกปิดแผลเป็นที่น่ากลัวให้เธอ สามีของเธอก็มองเธอด้วยความตกตะลึงและพูดว่า “เธอดูสวยมากจริงๆ ฉันดีใจมากๆ” ผู้หญิงคนนั้นดีใจจนร้องไห้ออกมา
เรื่องโดย : พิชชารัศมิ์ www.marumura.com
ในปัจจุบันบริษัทมากมายล้วนมุ่งมั่นในการทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคม บางบริษัทก็ทำอย่างจริงจังโดยตั้งใจทำประโยชน์กับสังคมจริง ๆ บ้างก็ทำเพื่อนำกิจกรรมเพื่อสังคมมาบังหน้าแต่แท้จริงทำเพื่อการโปรโมทบริษัทเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามกิจกรรมเพื่อสังคมที่ดีที่สุดไม่ใช่เป็นเพียงการสร้างกิจกรรมหรือโครงการใดโครงการหนึ่งขึ้นมาในระยะเวลาอันสั้น แต่เป็นการดำเนินทุกกิจกรรมของบริษัทเพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวมในระยะยาว วันนี้ดิฉันจะมาเล่าถึงโครงการเพื่อสังคมน่ารักๆ ของบริษัทเครื่องสำอางชื่อดังของญี่ปุ่น “ชิเซโด้” ที่เมื่อกล่าวถึงคงไม่มีใครไม่รู้จักค่ะ
บริษัทเครื่องสำอางแห่งนี้ก่อตั้งโดยอาริโนบุ ฟุกุฮาระ หัวหน้าเภสัชกรประจำการโรงพยาบาลกองทัพเรือในวัย 23 ปี และเพื่อนร่วมงานของเขาอายุ 20 ปี ทั้งสองคนได้เริ่มก่อตั้งร้านขายยาสไตล์ตะวันตกเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่น เพราะพวกเขาคิดว่ายารักษาโรคในญี่ปุ่นขณะนั้นยังไม่สามารถตอบโจทย์ในการรักษาได้เพียงพอ พวกเขาจึงต้องการนำวัตถุดิบชั้นดีจากทั่วทุกมุมโลกมาใช้ในการรักษาและต่อมาทำธุรกิจเครื่องสำอาง
ชิเซโด้ ได้คิดค้นเครื่องสำอางที่ปกปิดดีเยี่ยมโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือคนที่มีแผลเป็นนูนจากระเบิดปรมาณูตั้งแต่ปี 1956 โดยบริษัทคิดว่าจะใช้ความรู้เรื่องเครื่องสำอางของตัวเองเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม ต่อมาได้เปิดศูนย์ Shiseido Life Quality Makeup ในปี 2006 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คำแนะนำการใช้เครื่องสำอางในการปกปิดโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่มีแผลเป็นโดยกำเนิด ด่างขาว ผิวโดนไฟไหม้ แผลเป็นจากการผ่าตัด หรือปัญหาด้านผิวหนังอื่นๆ ที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือการรักษาโรค เช่น มะเร็ง ที่ไม่สามารถปกปิดได้โดยเครื่องสำอางธรรมดา นอกจากที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ศูนย์นี้ยังมีที่จีน ฮ่องกง และไต้หวันอีกด้วย
บริษัทยังได้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับสถาบันการแพทย์ โดยมีการไปเยือนสถาบันการแพทย์ 8 แห่งของญี่ปุ่นเพื่อใช้เครื่องสำอางกับคนไข้ที่มีแผลเป็น โดยมากหมอมักจะคิดแต่จะใช้ยากับคนไข้ที่มีแผลเป็นร้ายแรงเหล่านั้นโดยคิดว่าการใช้เครื่องสำอางไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นว่าการได้รับการแต่งหน้าปกปิดโดยเครื่องสำอาง ทำให้คนไข้ที่เคยเก็บตัวอยู่บ้านเนื่องจากอายแผลเป็นของตัวเองจนไม่กล้าออกไปข้างนอกหรือคบหาสมาคมกับใคร สามารถออกจากบ้านและมีเวลาดีๆ ในการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้อีกครั้ง ก็เริ่มคิดว่าการใช้เครื่องสำอางมีความสำคัญเช่นเดียวกัน
อะกิโกะ อาโอกิ ผู้รับผิดชอบศูนย์นี้กล่าวว่า เธอได้พบเห็นคนมากมายที่มีปัญหาผิวหนังร้ายแรง บางคนไม่กล้าแม้แต่จะมองตัวเองในกระจกด้วยซ้ำ พนักงานของศูนย์จึงหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงปัญหาผิวหนัง เธอกล่าวว่า “เราไม่ได้แต่เพียงจัดการจัดอบรมเรื่องการฝึกความสามารถในการใช้เครื่องสำอาง แต่ยังพยายามเพิ่มการดูแลลูกค้าที่ดีด้วย”
เธอเล่าว่ามีลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งอายุราว 60 ปี มาที่ศูนย์กับสามีของเธอโดยเธอปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากและสวมหมวกต่ำถึงตา หลังจากที่ทางศูนย์ได้แต่งหน้าปกปิดแผลเป็นที่น่ากลัวให้เธอ สามีของเธอก็มองเธอด้วยความตกตะลึงและพูดว่า “เธอดูสวยมากจริงๆ ฉันดีใจมากๆ” ผู้หญิงคนนั้นดีใจจนร้องไห้ออกมา และสามีภรรยาก็ออกไปเดินเล่นย่านกินซ่าโดยเธอไม่ต้องสวมหมวกหรือหน้ากากเลย บางคนมีปัญหาแผลเป็นที่ขาจึงใส่แต่กางเกง ก็สามารถกลับมาใส่กระโปรงได้ บางคนปฏิเสธไม่ให้ใครถ่ายรูปก็กลับมาอยากถ่ายรูปอีกครั้ง หลายๆ คนชีวิตเปลี่ยนหลังจากที่มาศูนย์นี้โดยมีความสุขมากขึ้น
จะเห็นได้ว่ากิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทเข้ากับปรัชญาความงามที่กล่าวว่า
“ความงามไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอก แต่คือความรู้สึกที่สัมผัสได้และการที่ได้ร่วมแบ่งปันเพื่อที่จะทำให้โลกใบนี้สวยงามและน่าอยู่ขึ้น บริษัทตระหนักดีว่ายังมีความไม่สมบูรณ์แบบอีกมากมายที่รอให้แก้ไขและเติมเต็ม ความงามในมุมมองของบริษัทจึงเปรียบเหมือนการเยียวยา บำบัด ฟื้นฟู และเป็นความรู้สึกที่มีคุณค่าจากการได้ร่วมแบ่งปัน”
เรื่องโดย : พิชชารัศมิ์ www.marumura.com
ติดตามอ่านเรื่องราวการทำธุรกิจด้วยใจรักจนประสบความสำเร็จได้ในหนังสือ “Japan Success ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยใจรัก” และ หนังสือจิตวิทยาความรักความสัมพันธ์ “เมื่อจิตวิทยา ทำให้คนรักกัน” สามารถพูดคุยสื่อสารกับพิชชารัศมิ์ได้ที่ FB: Life Inspired by พิชชารัศมิ์
ที่มา
https://www.shiseido.co.th/
หากชอบบทความของเรา สามารถติดตาม Facebook FanPage ของเราได้
